วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เหล็กไหล

     ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของเหล็กไหล ร่ำลือถึงฤทธิ์เดช อภินิหารของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ ดูช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์พันลึก มีผู้แสวงหาสิ่งที่อยู่ในตำนานนี้มาเนิ่นนาน  จนเกดเรื่องราวการหลอกลวงต้มตุ๋น ว่ากันว่าต้องใช้เงินมหาศาลสำหรับความต้องการจะครอบครอง บ้างก็ล้มหายตายจากด้วยอารรณ์ จากการไปเสาะแสวงหา  มีเรื่องราวต่างๆมากมาย จนทำให้สงสัยว่า..แทัที่จริงแล้วเหล็กไหลมีอยู่จริงหรือไม่

                  ข้อมูลจากผู้พยายามศึกษาหาข้อพิสูจน์ เพื่อมาแสดงถึงการมีอยู่จริงของเหล็กไหล จนปัจจุบันมีผู้นำเสนอเกี่ยวกับเหล็กไหลแสดงออกมามากมาย  อีกทั้งการเปิดเผยของผู้ทรงวิทยาคุณ 
                  ในมุมมองของผู้เขียน
ที่ได้ศึกษาจากหลายที่หลายแห่ง จึงมีความเชื่อว่าธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้มีอยู่จริง แต่บางสิ่งบางอย่างอาจแตกต่างจากที่ได้ยินได้ฟังมาบ้าง
                 
                   ตระกูลเหล็กไหลมีอยู่หลายประเภท หลายชนิดด้วยกัน ทั้งประเภทเหล็กไหลน้ำหนึ่ง เหล็กไหลน้ำรอง หรือจำพวกที่เรียกว่าโคตรเหล็กไหล 

                 
                   ที่พอที่จะมีบุญวาสนา โอกาส ได้ครอบครองธาตุกายสิทธิ์นี้ ก็เป็นเหล็กไหลที่ผู้มีวิชาอาคม หรือผู้ทรงวิทยาคม ได้อัญเชิญมาเพื่อยังประโยชน์อุปถัมท์ค้ำชูแก่พระศาสนา
ซึ่งได้แปรธาตุขันธ์หรือชำระธาตุธรรมแล้ว
                  ได้เรียกและรู้จักกันในนาม...พระพญาเหล็ก
พระเหล็กไหลองค์ใหญ่ ที่ วัดพุทไธสวรรค์

 
                 พระพญาเหล็ก ในรูปทรงพิมพ์ต่างๆ ที่ผู้เขียนบูชาอยู่...

พระพญาเหล็กพิมพ์พระชัยวรมัน หลวงปู่หวล วัดพุทไธสวรรค์
พระพญาเหล็กยุคแรกๆ ของหลวงปู่หวล วัดพุธสวรรค์
         
พิมพ์ซุ้มกอ หลวงปู่หวล วัดพุทไธสวรรค์ (เด่นทางเมตตา โชคลาภ ค้าขาย)
          
พิมพ์ทรงเทวดา วรรณะสีปีกแมลงทับ
พิมพ์พระพุทธ วรรณะสีทองท้องปลาไหล
พิมพ์สมเด็จปรกโพ วรรณะสีเงินยวง

พิมพ์สมเด็จฐาน3ชั้น วรรณะสีปีกแมลงทับ
พิมพ์ลีลา วรรณะสีปีกแมลงทับและสีทองท้องปลาไหล ในองค์เดียวกัน
พิมพ์พระปิดตา วรรณะสีเงินยวง
องค์จิ๋ว สามกษัตริย์
พระขรรค์ จารอักขร วรรณะสีเงินยวง
ลูกหนำเลี๊ยบ ลูกสะกด วรรณะสีปีกแมลงทับและสีเงินยวง
ลูกอมทรงกลม เดิมสีดำเหลือบม่วงน้ำเงิน หลังถวายน้ำผึ้งป่าได้เปลี่ยนมาเป็นสีนี้
เม็ดข้าวสารหรือเม็ดต้อยติ่ง วรรณะสีต่างๆ
บางองค์เกิดกริ่งขึ้นในตัว ซึ่งเป็นไปเองไม่ได้จัดให้มีขึ้นแต่จะเกิดขึ้นได้ยาก อาจเรียกได้ว่า ในร้อยองค์จะมีสักองค์

พระกริ่งพิมพ์เล็ก
พระกริ่งพิมพ์ใหญ่
พิมพ์หลวงปู่ทวด วรรณะสีปีกแมลงทับ
พิมพ์หลวงปู่ทวด วรรณะสีเงินยวง
หลวงปู่ทวด วรรณะสีทอง
พิมพ์ซุ้มกอ วรรณะสีปีกแมลงทับ

พิมพ์ซุ้มกอ วรรณะสีเงินยวง
พิมพ์ซุ้มกอ วรรณะสีทองท้องปลาไหล
พิมพ์พระรอด วรรณะสีปีกแมลงทับ
พิมพ์พระศรีสรรเพชร วรรณะสีปีกแมลงทับ
พิมพ์พระศรีสรรเพชร วรรณะสีทอง
พิมพ์อู่ทอง วรรณะสีทอง
พิมพ์นางพญา วรรณะสีปีกแมลงทับ



 ข้อมูลความรู้ที่น่าสนใจใน...ความเป็นมาของวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ที่เรียกว่า.. "เหล็กไหล"
วัตถุธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก) นี้
เกิดมีขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกฤาษีผู้มี ฌาน (สมาธิระดับสูง) และ อภิญญา (ความสามารถพิเศษ) แก่กล้าในระหว่างอันตรกัป คือ ในระหว่างที่ว่างจากพระพุทธศาสนาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น บรรดา มนุษย์ผู้มีบุญ คือ คุณธรรมจากการที่ได้เคยรักษาศีล และเจริญภาวนาสมาธิมาก่อน ที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในยุคนั้น ได้ออกบำเพ็ญพรต (ถือศีล) พรหมจรรย์ (การออกบวชเว้นเมถุน-คือเว้นชีวิตคู่) ด้วยมุ่งหวัง อมตธรรมก็คือ ปรารถนาพระนิพพานที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขนั้นแหละ แต่ไม่รู้จักทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ให้ถึงอมตมหานฤพานได้ เพราะยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ จึงได้แต่เจริญสมาธิภาวนา จนได้ฌานและอภิญญาแก่กล้า แต่ก็รู้ว่าตนเองนั้นยังไม่อาจพ้นความตายได้ ยังไม่เห็นทางที่จะถึงอมตธรรมที่ไม่ตายได้ ก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ยั่งยืนที่สุด ดุจว่าเป็นอมตธรรม เพื่อรอผู้ตรัสรู้ (พระพุทธเจ้า) มาตรัสสอนทางปฏิบัติให้ได้บรรลุถึงอมตธรรม เพื่อจักได้เข้าสู่กระแสธรรม นำไปให้ถึงอมตธรรมตามที่ได้มุ่งหวัง จึงค้นหาวิธีสร้าง "วัตถุธาตุอันเป็นที่สถิตแห่งจิตวิญญาณของตน" ให้คงทนยั่งยืนที่สุด ดุจว่าเป็นอมตธรรมนั้นด้วยฤทธิ์อำนาจของตน ก่อนเบญจขันธ์ของตนจะแตกทำลาย (ก่อนทำกาละ/ตาย) ครั้นพากันทำวัตถุธาตุนั้นขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกตนที่แก่กล้ารุนแรง จนเกินอำนาจการควบคุมให้อยู่ในสภาวะพอเหมาะตามต้องการได้ วัตถุที่ปรุงขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจนั้นก็ระเบิดเป็นจุณ วิจุณ เป็นอณูธาตุ เป็นที่สถิตอยู่ของจิตวิญญาณฤาษีนั้นเองด้วย และกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยงด้วย และแม้เทพเทวาที่รู้คุณวิเศษของวัตถุธาตุเช่นนั้น ก็ติดตามครอบครองยึดถือเป็นเจ้าของ อณูธาตุเหล่านั้นมีทั้งที่กระจัดกระจายออกนอกแนวแรงดึงดูดของโลก คือ หลุดออกไปนอกโลก และทั้งที่กระจัดกระจายไปในบรรยากาศของโลกแล้วตกลงสู่พื้นดิน และวิวัฒนาการไปตามธรรมชาติ ตลอดระยะเวลายาวนานหลายกัปหลายกัลป์มาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงมีสภาพ ลักษณะ และอานุภาพที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติที่แวดล้อม เป็นอยู่ และเปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ คือ ความเป็นสภาพไม่เที่ยง (อนิจฺจํ) ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เป็นทุกข์ (ทุกฺขํ) คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้นาน จนถึงเป็น อนตฺตา ได้ในที่สุด
ครั้นเมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้ จึงอาจมีอานุภาพตามคุณลักษณะของธาตุธรรมที่จะเป็นฝ่ายพระ (ฝ่ายบุญกุศล) ล้วนๆ ที่จะให้สุขสมบัติแก่ผู้มีอยู่ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว หรือว่าจะมีอานุภาพตามลักษณะของธาตุธรรมเป็นฝ่ายมาร (ฝ่ายบาปอกุศล) ล้วนๆ
ที่จะให้ทุกข์สมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว และ/หรือจะมีลักษณะของธาตุธรรม 2 ฝ่าย ปะปนกัน ที่อาจให้ทั้งสุขสมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติดี มีศีลมีธรรม และ ที่ให้ทั้งทุกข์สมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติชั่ว ทุศีล ขาดหิริโอตตัปปะ และ ไร้คุณธรรม ได้ตามส่วนของเขาและตามระดับคุณธรรมของผู้มีไว้ในครอบครอง อณูธาตุอันเป็นที่สถิตอยู่ของจิตวิญญาณธาตุของฤาษี ที่ปรารถนาดำรงคงทนยั่งยืนที่สุดดุจอมตธรรม จึงต้องเสพ หรือ ดูดซึมสิ่งที่อยู่แวดล้อมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงอณูธาตุนั้น ให้ดำรงคงอยู่คู่กับเบญจขันธ์ของตน เช่น
- ในบริเวณบางแห่งที่มีแร่ธาตุประเภทอัญมณีมาก ก็จะวิวัฒนาการเป็นวัตถุธาตุที่เหมืออัญมณีสีต่าง ๆ ได้
-
บริเวณที่มีทั้งแร่ธาตุ ดินกากยายักษ์ หิน และทั้งว่านยาสมุนไพรที่วิเศษต่าง ๆ
ที่เหมาะแก่การรักษาธาตุขันธ์ของเขา ก็จะเสพหรือดูดซึมเข้าไปปรุง หล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ของเขา จึงวิวัฒนาการมาเป็นวัตถุธาตุกึ่งอัญมณี-หิน-เหล็ก รวมกัน แต่ไม่ดูดเหล็ก กล่าวโดยส่วนใหญ่แล้วมีส่วนผสมของแร่เหล็กเป็นตัวยืน ที่เมื่อถูกเชิญ หรือถูกบังคับเรียกออกมาจากรังด้วยเวทมนตร์ของผู้ทรงวิทยาคม ก็จะไหล หรือ ย้อยหยดลงมาในสภาพเป็นของเหลว หรือ ยืดออกมาในสภาพเป็นของอ่อนนิ่มก่อน จึงชื่อว่า เหล็กไหลเมื่อมากระทบกับอากาศเย็น หรือ น้ำพระพุทธมนต์ที่รองรับไว้ก็จะกลับแข็งตัวเหมือนโลหะเหล็ก หรืออัญมณีที่แข็งเหมือนเหล็ก นอกจากนั้น วัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้ยังขยายขนาดและขยายเผ่าพันธุ์ มีสมาชิกทั้งแก่และอ่อนสถิตอยู่ร่วมกันในรัง ดุจดังว่าเป็นอาณาจักรของเขา เรียกว่า รังเหล็กไหลหรือ "โคตรเหล็กไหล"กรณีที่ธาตุกายสิทธิ์ถูกผู้มีอำนาจสิทธิเหนือกว่า เช่น ผู้เป็นพระอริยเจ้าเชิญออกมา หรือ ผู้ทรงวิทยาคมเรียกบังคับให้ออกมาจากรัง...จนหมดทั้งรัง รัง หรือ โคตรเหล็กไหลนั้น บางท่านเรียกว่า  "มูล หรือ ขี้เหล็กไหล" เเต่ มูล หรือ ขี้เหล็กไหลจริงๆ มีอยู่อีกต่างหาก
ธาตุกายสิทธิ์ที่ถูกเชิญ หรือ เรียกบังคับออกมานี้ ชื่อว่า "เหล็กไหลตัด" เหล็กไหลประเภทนี้มีกัมมันตภาพรังสีอยู่ด้วยมาก ประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจมาก มีอานุภาพร้อนเเรง จึงมีทั้งคุณอนันต์เเก่คนดีมีศีลมีธรรม เเละเป็นโทษมหันต์เเก่ผู้ทุศีล หรือขาดคุณธรรมได้
         รัง หรือ โคตรเหล็กไหล
ที่มีสมาชิกธาตุกายสิทธิ์สถิตอยู่มากมายนั้นนานปีนับร้อย - พัน - หมื่น - เเสน - ล้าน - โกฏปี ย่อมได้รับความกระทบกระเทือนจากปัจจัยเเวดล้อมตามธรรมชาติ ได้เเก่ เเดด ลม ฝน เเผ่นดินไหว น้ำไหลเซาะ ฯลฯ เป็นต้น บางส่วนก็เเตกหลุดออกจากรังเดิมไปตามธรรมชาติ ถูกกระเเสน้ำกระเเสลม...ซัดพัดพาไปติดอยู่ ณ ที่ใดที่เหมาะสม ก็ขยายเผ่าพันธุ์ ณ ที่นั้นต่อๆไปอีกชื่อว่า "พญาสมิงเหล็ก" ก็มี / "เหล็กไหลเจ้าป่า" ก็มี / "หล็กไหลโกฏปี" ก็มี เเละสมาชิกที่วิวัฒนาการเป็นธาตุกายสิทธิ์ ที่เคยอาศัยอยู่ในรังน้อยใหญ่ ก็หลุดจากรังเดิมต่อๆไปอีก ถูกกระเเสน้ำพัดพาไปอยู่ตามถ้ำ ตามเเอ่งน้ำ บนภูเขา หรือออกจากถ้ำ / ภูเขา ไปอยู่ตามเชิงเขาเเละตามพื้นดินภายนอกก็มี ที่อยู่ตามน้ำ เรียกว่า "เหล็กไหลตาน้ำ" หรือ "เหล็กหลบ" ก็มี เเละที่อยู่ตามพื้นดินภายนอก ถูกเเดดเเผดเผาจนเป็นสีน้ำตาลอมส้ม เรียกว่า "เหล็กไหลเพลิง" ก็มี ฯลฯ วัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ตัดเอง (หลุดออกมาเอง) โดยธรรมชาติ ทั้งหมดเหล่านี้จึงรวมเรียกว่า "เหล็กไหลบารมี"

ธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก)

-
จะช่วยให้ความคุ้มครองป้องกันสรรพอันตรายแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ทรงศีล ทรงธรรม ตามสมควรแก่บุญบารมี
-
ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยง ช่วยให้ผู้มีไว้ในครอบครอง เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ถึงนิพพานสมบัติแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ประกอบคุณธรรมเพิ่มพูนบารมีธรรมได้เป็นอย่างดี
ธาตุกายสิทธิ์ประเภทดีมีคุณธรรม จะช่วยชักนำให้ผู้มีอยู่ในครอบครอง
ปฏิบัติธรรมอยู่ในคุณความดี คือ ทานกุศล ศีลกุศล และ ภาวนากุศล ให้เจริญเเก่กล้ายิ่งๆขึ้นไป เพื่อที่จะเขาจะได้อนุโมทนาบุญ และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย จึงให้แต่คุณแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรม
ส่วนธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ด้อยคุณธรรม ก็ปรารถนาอยู่ว่า
ผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะปฏิบัติอยู่ในคุณธรรมดี เพื่อที่เขาจะได้ร่วมอนุโมทนา และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย เพื่อเลื่อนภูมิจิตใจให้สูงขึ้น แต่ถ้าเจ้าของผู้ครอบครองเป็นคนชั่วช้า ลุแก่อำนาจกิเลส (โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ) ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้ กลับจะให้โทษแก่ผู้ครอบครองได้ง่าย และรุนแรงด้วย ฉะนั้น
-
ของดีต้องอยู่กับคนดี จึงดีเลิศ คนไม่ดีถึงจะได้ครอบครองของดี ก็มีอยู่ได้ไม่นาน
-
ส่วนคนดีได้ครอบครองของที่มีอานุภาพที่ทั้งดีและไม่ดี ก็จะมีแต่ดี ไม่มีโทษ
-
แต่คนไม่ดีที่ได้ครอบครองของที่มีอานุภาพทั้งดีและไม่ดี ย่อมไม่ได้ผลดี และยังจะชักนำกันไปในทางที่ไม่ดีอันมีโทษได้ เพราะฉะนั้นผู้มีของดี หรือ มีของที่มีอานุภาพทั้งดีและไม่ดี
จึงต้องประพฤติปฏิบัติตนอยู่แต่ในคุณความดีโดยส่วนเดียว จะประมาทมิได้ จึงจะมีแต่ดีกับดีโดยตลอด
เหตุที่มีข่าววัตถุธาตุกายสิทธิ์ /เหล็กไหล...ในปัจจุบันนี้มาก เพราะเหตุสำคัญ ๒ ประการ คือ

๑. มีการทำของเทียมขึ้นจำหน่ายให้แก่ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยความโลภ หรือด้วยความปรารถนาลามก

     ๒. ในยุคปัจจุบันนี้ ประเทศไทยเป็นที่ตั้งมั่นสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นบ่อเกิดและที่สถิตอยู่ของผู้มีบุญบารมี ผู้บำเพ็ญบารมีธรรมเพื่อความบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอรหันตสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ตามระดับอธิษฐานบารมีที่ได้กระทำมาแล้วเป็นจำนวนมาก เทพ เทวาผู้สัมมาทิฏฐิ ผู้ดูแลรักษาธาตุกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยง จึงเปิดบารมีธรรมแก่ผู้กำลังบำเพ็ญบุญบารมีในระดับต่างๆ ให้ได้รับธาตุกายสิทธิ์ ภาคผู้เลี้ยงที่มีอยู่ในโลก ในจักรวาล เพื่อเป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ยิ่งขึ้นไปได้สะดวก และเพื่อช่วยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนี้ ให้เจริญรุ่งเรืองและมั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่ออำนวยประโยชน์สุขและความสันติสุขแก่สาธุชนหมู่ใหญ่ ทั้งแก่ชาวไทยและชาวโลก ให้ได้มากที่สุดเป็นสำคัญ เหตุนั้นแท้ที่จริงแล้ว ธาตุกายสิทธิ์นี้จึงได้มีการใช้กันอยู่แล้ว ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรม และศิษยานุศิษย์ ตลอดทั้งผู้ปกครอง ผู้กอบกู้ และผู้รักษาประเทศชาติบ้านเมืองไทยเรามาแต่โบราณกาลแล้ว เพียงแต่ไม่มีสื่อมวลชนกระจายข่าวกันมาก และไม่มีการทำของเทียม (ปลอม) หลอกลวงจำหน่ายกันมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้เท่านั้น

วิธีรักษาธาตุกายสิทธิ์ให้ดีตลอด
เเละ วิธีพัฒนาธาตุกายสิทธิ์ที่ร้าย...ให้กลายเป็นดี
๑. ธาตุกายสิทธิ์ (เหล็กไหล) เหล่านี้ ปรารถนาที่จะเข้าสู่กระเเสธรรม มุ่งอยู่ที่การบำเพ็ญบารมีธรรม เพื่อเลื่อนภูมิจิตของตนเองเข้าสู่ความเป็น "พระอริยเจ้า" ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตธรรมเป็นสำคัญ จึงต้องอยู่กับคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นจึงดี เเละจะให้คุณเป็นความเจริญด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เเละเป็นอุปการะเเก่ผู้มีไว้ในครอบครองผู้บำเพ็ญบารมีธรรม ให้ถึงความบรรลุ มรรค ผล นิพพาน...ได้สะดวก เพราะฉะนั้น ผู้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ จักต้องดำรงตนอยู่เเต่ในคุณความดี เพิ่มพูนบารมีธรรม โดยปฏิบัติ "ทานกุศล" "ศีลกุศล" "ภาวนากุศล" ให้ยิ่งๆขึ้นไป เเละให้เขาได้มีโอกาส "อนุโมทนาบุญ" เเละ "ร่วมบำเพ็ญบารมีธรรม" ...ไปกับเราด้วย โดยประการนั้นเเหละถูกต้องความประสงค์ของเขานัก เเละ "กายสิทธิ์" ที่สถิตอยู่ก็จะได้ทำหน้าที่เป็น "ภาคผู้เลี้ยงพระ" ได้อย่างสมบูรณ์
๒. ถ้าเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน หรือ เเม้ผู้เป็นนักบวช ผู้ยังไม่ชำนาญในการเจริญภาวนาชำระธาตุธรรมได้เอง ควรมีธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ "ผู้รู้" หรือ "ผู้ทรงคุณวุฒิ" ท่านได้นำมาสร้างเป็นพระ หรือได้ฝังอยู่ในองค์พระ
เเละที่ผ่านการเจริญภาวนาชำระสะสางธาตุธรรม นำเข้าสู่กระเเสธรรมเเห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีเเล้ว จึงจะดี เเละ ปลอดภัยที่สุด
๑. ธาตุเป็น วัตถุธาตุกายสิทธิ์ผสม ของ "เหล็กไหลบารมี" เเละ/หรือ "เหล็กไหลตัด"
ที่มีส่วนผสมของเเร่ที่เป็นมงคล เช่น ทองคำ เงิน สังฆวานร เพชรหน้าทั่ง รังหรือโคตรเหล็กไหล ดินกากยายักษ์ ว่านยา สมุนไพร เเละพันธ์ไม้ที่เป็นมงคลต่างๆ เป็นต้น หล่อหลอมขึ้น หรือสร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูป ฯลฯ ด้วยพิธีการเจริญภาวนา "ชำระธาตุธรรมส่วนละเอียด" ของธาตุกายสิทธิ์ ที่หลอมหรือสร้างขึ้นมานั้น เเล้วนำเข้าสู่กระเเสธรรม เเละบรรจุพลัง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตามวิธีที่บูรพาจารย์ได้เคยกระทำได้ผลดี มีอานุภาพสูงมาเเล้ว
๒. เป็นธาตุกายสิทธิ์ประเภท "เหล็กไหลบารมี"
คือ หลุด (ตัด) เอง ...ออกมาจากรังหรือโคตรเหล็กไหลตามธรรมชาติ เเล้ววิวัฒนาการบารมีธรรมสูงขึ้นๆไปตามลำดับ ได้เเก่ พญาสมิงเหล็ก เหล็กไหลตาน้ำ เหล็กไหลเพลิง ฯลฯ
ที่ได้มาด้วยบารมีธรรมของตน เเละ/หรือ ด้วยเทพเทวาเขาเปิดบารมีให้...อย่างนี้ก็มี ประเภทนี้ มีอานุภาพเเก่ผู้มีไว้ในครอบครอง....ที่ละเอียดเเละเยือกเย็น เเละยิ่งเป็นผู้มีศีลมีธรรม...ยิ่งเจริญดี ถ้าอยู่กับคนดีน้อย เขาจะพยายามชักนำให้ดีขึ้น ถ้าอยู่กับคนไม่ดีโดยสันดาน ก็จะอยู่ด้วยไม่ได้นาน
๓. เป็นธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่
"ตัดสด" จริงๆ โดยพระอริยเจ้า หรือ ผู้ทรงวิทยาคุณ ผู้เชิญเขาออกมาด้วยพระพุทธมนต์ หรือ เรียกบังคับเขาออกมาจากรังหรือโคตรเหล็กไหล ด้วยทั้งพระพุทธคุณ เเละทั้งเวทย์มนต์...ก็มี ประเภทนี้มี "อานุภาพรุนเเรง" ถ้าได้ผ่านการ "เจริญภาวนาชำระธาตุธรรม" เเละให้เข้าอยู่ใน "กระเเสธรรม" เเล้วจึงดี เเละถ้าอยู่กับคนดี มีศีลมีธรรม ปฏิบัติธรรมเพิ่มพูนบารมีธรรมอยู่เสมอเเล้ว...ก็จะยิ่งดี เเต่ถ้าอยู่กับคนไม่ดี คนขาดศีลขาดธรรมเเล้ว มักมีโทษ เเละไม่อยู่ด้วยนาน ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผู้ทรงศีลทรงธรรมได้ทำ หรือที่ได้สร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูป ฯลฯ
จึงเป็น "ธาตุกายสิทธิ์ที่ให้คุณมาก" เเละ "ปลอดภัยดีที่สุด" ... เเก่ผู้มีไว้ในครอบครอง
เพราะเป็นวัตถุธาตุที่ "ผ่านกระเเสธรรมดีเเล้ว" จึงมีเเต่จะเป็นสิริมงคลเเก่ผู้มีไว้ในครอบครองด้วยใจศรัทธาในพระรัตนตรัยเเต่ส่วนเดียว

จากบทความเรื่อง อานุภาพธาตุกายสิทธิ์ - เหล็กไหล / พญาสมิงเหล็ก
นิตยสารธรรมกาย ฉบับที่ ๔๗  มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๑

2 ความคิดเห็น: